top of page

ราเมน


เป็นเส้นแบบจีนซึ่งนำเข้ามาที่ญี่ปุ่น และถูกพัฒนาจนกลายเป็นราเมนแบบญี่ปุ่น นอกจากนี้ราเมนได้กลายเป็นอาหารประจำชาติของญี่ปุ่น

ประวัติความเป็นมาของราเม็ง ราเม็งมีจุดเริ่มต้นในยุคที่วัฒธรรมจีนหลั่งไหลเข้ามาในณี่ปุ่นช่วงการปฏิรูปเมจิ ถึงแม้ว่าราเม็งจะเกิดขึ้นในประเทศจีน แต่เมื่อถูกนำมาปรุงแต่งด้วยเครื่องปรุงรสของญี่ปุ่นอย่างโซยุและเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น จึงทำให้ราเม็งกลายเป็นที่รู้จักในฐานะอาหารประจำชาติญี่ปุ่นหลังจากที่ญี่ปุ่นเปิดการค้าเสรีอย่างเป็นทางการโดยโชกุนโทคุกาวะ ไซ่น่าทาวน์ที่ถูกสร้างขึ้นหลายแห่ง เช่น โยโกฮามา ฮาโกด่เตะ และโกเบ การเกิดขึ้นของไซน่าทาวน์ก็มาพร้อมอาหารประเภทเส้นของจีน ย้อนกลับไปในสมัยนั้นเมื่อพูดถึงอาหารจำพวกเส้นของคนญี่ปุ่นจะนึกถึงโซบะ (บะหมี่ที่ทำจากบัควีท) ดั่งนั้นคนญี่ปุ่นจะเรียกบะหมี่ของจีนกันว่า “ชินะโซบะ” (ชินะคือ คำที่คนญี่ปุ่นใช้เรียกประเทศจีนในสมัยก่อน)

ราวหนึ่งร้อยปีก่อน “ไรไรเคน” ร้านราเม็ง แห่งแรกของประเทศเปิดตัวที่ย่านอาซาคุสะในโตเกียว เจ้าของร้านคนญี่ปุ่นทำราเม็งที่โชยุเป็นส่วนผสมหลักของนํ้าซุปเหมือนซุปที่ใช้กินกับโซบะ เนื่องจากอาซาคุสะเป็นศูนย์กลางความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นไม่นานร้านราเม็งแห่งนี้ก็กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ ราเม็งกลายเป็นอาหารที่รู้จักอย่างแพร่หลายอย่างเป็นทางการเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองปัญหาการขาดแคลนข้าวเกิดขึ้นช่วงปลายสงคราม เส้นราเม็งซึ่งทำมาจากแป้งสาลีจึงกลายเป็นอาหารหลักสำหรับทุกคน เหล่าทหารญี่ปุ่นที่กลับจากการประจำการในประเทศช่วงสงคราม ก็เริ่มใช้ความรู้และรสชาติที่เคยกินในประเทศจีนมาใช้ทำราเม็งและเปิดเป็นร้านข้างทาง จึงเป็นที่มาของเอกลักษณ์การกินราเม็งที่ว่า ต้องเป็นการกินนอกบ้านตามร้านข้างทางเท่านั้นจึงจะเป็นราเม็งต้นตำรับฉบับเรียบง่ายและแท้จริง

ก่อนหน้านี้ มิโซะราเม็งที่มาจากฮอกไกโดทางเหนือสุดของประเทศและทงคตสึราเม็งที่ถือกำเนิดจากเกาะคิวชูทางตอนโต้สุดของประเทศได้สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของรสชาติที่แตกต่างจากคนละภูมิภาค ปัจจุบันราเม็งมีหลากหลายชนิด แต่เป็นที่รู้จักเพราะรสชาติเฉพาะของท้องถิ่นต่างๆจากทั่วญี่ปุ่น

การแข่งขันกันของร้านราเม็งในปัจจุบันนั้นรุนแรงมาก ในญี่ปุ่นมีร้านราเม็งมากกว่า 30,000 ร้าน โดยเฉพาะในโตเกียวที่มีการแข่งขันกันสูงที่สุด โดยเฉลี่ยจะมีร้านราเม็งใหม่สองร้านเปิดตัวขึ้นทุกวัน ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงนำไปสู่การขยายตัวของตลาด ร้านราเม็งใหม่ๆ จึงกระจายไปตามประเทศต่างๆ ที่เศรษฐกิจกำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น สิงค์โปร์และฮ่องกง นอกจากนี้อัตราความแน่นหนาของร้านราเม็งในพื้นที่เศรษฐกิจดีมากๆยังมีความหนาแน่นกว่าในประเทศญี่ปุ่นถึงสิบเท่า ยิ่งไปกว่านั้นการที่อาหารญี่ปุ่นเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จึงเป็นแรงผลักของการทำธุระกิจราเม็งในต่างชาติ จุดเริ่มต้นของการส่งออกราเม็งสู่นานาประเทศเริ่มด้วย “ราเม็งซันโตวกะ” “ฮากาตะอิปปุโด” และ “ไทโชเค็น” หลังจากนั้นตลาดราเม็งก็ได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั่วทวีปเอเชีย

เมื่อย้อนกลับไปดูต้นกำเนิดของราเม็ง อาหารประเภทเส้นที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามนี้จริงๆ แล้งมีจุดกำเนิดจากประเทศจีน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ว่าทำไมราเม็งจึงมีอิทธิพลเป็นอย่างยิ่งต่อนักชิมชาวเอเชียทั้งหลาย ราเม็งที่เกิดมาจากประเทศจีน ปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒธรรมญี่ปุ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคงอีกไม่นานที่ธุระกิจราเม็งจะครอบคลุมไปถึงทวีปต่างๆ ทั่วโลกนอกจากเอเชีย เราคงจะได้เห็นอนาคตอันใกล้นี้ว่าราเม็งกลายเป็นหนึ่งในอาหารที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี


Featured Posts
Check back soon
Once posts are published, you’ll see them here.
Recent Posts
Archive
Search By Tags
No tags yet.
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page